ปัจจุบันหลายๆบริษัทหรือองค์กรต่างๆ เริ่มให้ความสำคัญกับการระบบต่างๆเข้าไปช่วยเสริมการทำงานภายในองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดภาระการทำงานที่ไม่จำเป็น และจัดระบบให้มีมาตรฐานการทำงานที่ดีขึ้น พูดง่ายๆคือให้ความสำคัญกับ #Digitaltransformation
ระบบ CRM หรือระบบบริหารงานขายและความสัมพันธ์ลูกค้าเริ่มเป็นที่สนใจขององค์กรต่างๆมากขึ้นในประเทศไทยเพราะเริ่มให้ความสำคัญกับการจัดการลูกค้า การจัดการงานขายมากขึ้น และต้องการเก็บข้อมูลและรวมรวบ Big data เป็นของตัวเองเพื่อต่อยอดและใช้ประโยชน์ในอนาคต แต่เมื่อเริ่มค้นหากับเริ่มไม่แน่ใจว่าระบบ CRM ที่พบจะตรงกับความต้องการของตัวเองรึเปล่าเพราะ CRM แต่ละตัวมีจุดประสงค์ในการพัฒนาที่แตกต่างกัน JUBILI by BUILK จะมาแยกประเภทให้เข้าใจแบบง่ายๆว่า CRM หลักๆมีกี่ประเภท และเน้นการทำงานที่แตกต่างกันอย่างไร
ระบบ CRM มีกี่ประเภท ต่างกันยังไง แล้วองค์กรคุณเหมาะกับประเภทไหน
ระบบ CRM หรือ โปรแกรม CRM ( Customer Relationship Management ) เป็นระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าและการบริหารทีมขาย โดยมาตรฐานแล้วจะแบ่งรูปแบบการพัฒนาเป็น 5 รูปแบบคือ
-
Operational (เน้นการจัดการและบริหารงาน)
เป็นการพัฒนาระบบที่เน้นการเพิ่มความสะดวกในการบริหารงานโดยเฉพาะฝ่ายขาย การตลาด และฝ่ายบริหารลูกค้าเป็นหลัก โดยอ้างอิงจากข้อมูลลูกค้าที่จัดเก็บในระบบ ซึ่งตะช่วยให้คุณเข้าถึงและรักษาลูกค้าปัจจุบันของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นมีการเชื่อมต่อกับระบบ Marketing Email เป็นต้น
-
Analytical (เน้นการวิเคราะห์ข้อมูล)
เป็นการพัฒนาระบบที่เน้นการเก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อนำมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลต่อ เช่นข้อมูลประวัติลูกค้า ช่องทางที่พบลูกค้า ช่องทางที่ติดต่อกลับลูกค้า สิ่งที่ลูกค้าสนใจ ซื้อบ่อย/ไม่ซื้อ และข้อมูลอื่นๆ ซึ่งระบบประเภทนี้จะเก็บรวบรวมข้อมูลทุกอย่างมาสร้างรายงานหรือข้อมูลที่ช่วยให้องค์กรสามารถนำข้อมูมาช่วยวิเคราะห์และสร้างรูปแบบพฤติกรรมลูกค้าที่จะช่วยให้องค์กรส่งเสริมการขายได้อย่างถูกจุด
-
Collaborative (เน้นการทำงานร่วมกันภายในองค์กรบนระบบ)
เป็นการพัฒนาระบบที่เน้นการทำงานร่วมกันภายในองค์กรเป็นหลัก เพราะโดยปกติระบบ CRM ส่วนใหญ่มักจะเน้นการทำงานกับฝ่ายขายเป็นหลัก และจะไม่ค่อยมีการเก็บข้อมูลสำหรับแผนกอื่นๆมากนัก ทำให้นำข้อมูลไปใช้งานต่อได้ค่อนข้างยาก แต่สำหรับรูปแบบ Collaborative จะมีการเก็บข้อมูลนอกเหนืองานขาย เช่น ฝ่ายการตลาด ฝ่ายซัพพอร์ตลูกค้า ฝ่ายขนส่งสินค้า ฝ่ายบัญชี ข้อดีของรูปแบบนี้คือเมื่อข้อมูลของทุกฝ่ายเชื่อมจะช่วยให้ เข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพมากขึ้น
-
Campaign Management (เน้นการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญจากการฝ่ายและการตลาด)
เป็นการพัฒนาระบบที่เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการทำแคมเปญสนับสนุนการขายสำหรับการตลาดหรือฝ่ายขาย เป็นระบบที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะเป็นเหมือนระบบผสมระหว่าง Operational และ Analytical คือการรวบรวมข้อมูลลูกค้า เพื่อนำข้อมูลมาเพิ่มประสิทธิภาพการทำการตลาด มีการกำหนดเป้าหมายทางการตลาด และการช่วยวางแผนการตลาด ซึ่งส่วนใหญ่ระบบนี้จะสามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆทางการตลาดได้เช่นระบบอีเมล ระบบเก็บสะสมแต้ม เป็นต้น
-
Strategic (เน้นการวางแผนและเพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้า)
เป็นการพัฒนาระบบที่ผสมกับ Collaborative แต่แบบ Strategic จะเน้นตัวลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เช่นมีการจัดเก็บข้อมูลการติดต่อ ซื้อขาย หรือ กิจกรรมต่างระหว่างองค์กรกับลูกค้าทุกครั้ง เพื่อหาช่องทางเพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว เหมาะกับการขายสินค้าที่มีการซื้อซ้ำ หรือใช้ระยะเวลายาวนานในการปิดการขาย
สำหรับ JUBILI by BUILK เป็นระบบ CRM ที่มีการพัฒนาโดยหยิบข้อดีของแต่ละรูปแบบมาต่อยอดเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับองค์กร และธุรกิจ B2B โดยเฉพาะ และเรายังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ใช้งานได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดี พร้อมนำไปข้อมูลไปต่อยอดทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เริ่มต้นง่ายๆวันนี้ด้วย JUBILI by BUILK ระบบ CRM
เพื่อบริหารทีมขายแบบ B2B
ทดลองใช้ฟรี 15 วัน 
บทความแนะนำ
ระบบ CRM หรือโปรแกรม CRM คืออะไร ใช้กับงานขายยังไงให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อ้างอิงจาก
5 Types of CRM Software and How to Choose One (softwarehut.com)