สารบัญ
สวัสดีจ้า วันนี้ทาง YELLO วัสดุก่อสร้างมีสาระความรู้เรื่องเหล็กเส้นและ เหล็กรูปพรรณ มาฝากพี่ ๆ ชาวรับเหมาและฝ่ายจัดซื้อทั้งผู้ที่ได้แวะเวียนผ่านมาและผู้ที่ติดตาม YELLO อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งทางเยลลี่เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่อยู่ในวงการก่อสร้างมากเลยทีเดียว
เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า ทุกคนเคยสงสัยกันไหมว่า เหล็ก ยากตรงไหน? เหล็กก็คือเหล็ก มันจะไปเป็นอะไรได้อีก?
เยลลี่คิดว่าพี่ ๆ คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าเหล็กสามารถนำไปใช้ในวงการก่อสร้างได้หลากหลาย โดยผ่านการแปรรูปเหล็กเป็นชนิดและรูปทรงต่าง ๆ ที่เรียกว่า เหล็กเส้น เหล็กรูปพรรณ รวมถึงลวดผูกเหล็กด้วยนะ ซึ่งหากเรามองเหล็กเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ที่เข้าใจง่าย ก็จะได้ประมาณนี้ แต่เรื่องแค่นี้ ใคร ๆ ก็รู้จริงไหม ? เพราะจริง ๆ แล้วเหล็กตามประเภทต่าง ๆ ยังสามารถแบ่งออกเป็นชนิดและรูปทรงที่แตกต่างกันออกไปตามการใช้งานยังไงหละ
ลักษณะของเหล็กเส้น
เหล็กเส้น สามารถแบ่งตามลักษณะได้ง่าย มีแค่ 2 ชนิดก็คือ เหล็กเส้นกลม และเหล็กข้ออ้อย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วพี่ช่างบางคนจะชอบเรียกเหล็กเส้นกลมกันว่า เหล็ก RB และเหล็กข้ออ้อยว่า เหล็ก DB ซึ่งเหล็กทั้งสองชนิดจะถูกใช้ในงานที่คล้ายกัน เช่น การถ่ายและเสริมแรงจากคอนกรีต แต่ต่างกันที่เหล็กข้ออ้อยจะมีการรับแรงได้ดีกว่า
นอกจากนี้เหล็กเส้นยังสามารถแบ่งการเรียกได้อีกตามภาษาช่างว่า เหล็กเต็มหรือเหล็กโรงใหญ่ ซึ่งหมายถึงเหล็กที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) กับ เหล็กเบาหรือเหล็กโรงเล็ก สำหรับเหล็กที่มีมาตรฐานต่ำกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรม
โดยปกติแล้วตามมาตรฐานเหล็กเส้นจะมีความยาวอยู่ที่ 10 และ 12 เมตร และนิยมนำมาพับโค้ง เพื่อความสะดวกในการขนส่ง และจัดเก็บ แต่สำหรับหน้างานที่คนงานน้อย และไม่มีเครื่องดัดเหล็กก็อาจจะกำหนดมาเป็นเหล็กตรงตั้งแต่โรงงานเลยก็ได้จ้า
ต่อมาเยลลี่จะมาไล่ชนิดของเหล็กรูปพรรณในแบบที่เข้าใจง่าย ๆ กันนะ อาจจะยาวหน่อยเพราะเหล็กรูปพรรณ สามารถแบ่งได้หลายชนิดมากจ้า ซึ่งตามมาตรฐานเหล็กรูปพรรณทุกชนิดจะมียาวรวมทั้งเส้นอยู่ที่ 6 เมตร
ลักษณะของเหล็กรูปพรรณในแต่ละชนิด
เหล็กกล่อง ในที่นี้เยลลี่จะขอเหมารวมทั้งเหล็กกล่องแบน เหล็กกล่องเหลี่ยมไปเลยนะ ซึ่งคนส่วนใหญ่ยังนิยมเรียกเหล็กชนิดนี้ว่า เหล็กแป๊ป เหล็กรูปพรรณ ชนิดนี้จะมีลักษณะตามชื่อเลยคือเป็นกล่อง มีหน้าตัดทั้งด้านกว้าง ด้านยาว และกลวงตรงกลาง
เหล็กตัวซี เหล็กรูปพรรณชนิดนี้มักถูกเรียกเป็นชื่อย่อว่า C และตามด้วยขนาด เช่น C 150x50x20x3.2 มม. หรือ C 6 จุดสังเกตคือจะมีความยาวของด้านกว้าง ยาว และจุดที่เพิ่มออกจากปลายด้านกว้าง ซึ่งทำให้มีลักษณะคล้ายกับภาษาอังกฤษตัวอักษรซีนั่นเอง เหล็กตัวซีนิยมใช้สำหรับโครงสร้างหลังคา และโครงสร้างเหล็กทั่วไป
เหล็กรางน้ำ ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่าเหล็กรูปพรรณชนิดนี้มีลักษณะที่คล้ายกันกับเหล็กตัวซีมาก ๆ และหลายคนมักสับสนจนเรียกชื่อสลับกันหรือนึกว่าเป็นชนิดเดียวกัน ตรงนี้ต้องระวังนะจ๊ะ ซึ่งมีจุดสังเกตที่เหล็กรางน้ำจะไม่มีแง่งที่เพิ่มมาเหมือนเหล็กตัวซีแต่จะมีในส่วนของความหนา t1 t2 เข้ามาแทน ทำให้การเรียกขนาดต่างกันออกไป เช่น เหล็กรางน้ำ 100x50x5x7 เป็นต้น
เหล็กเอชบีม (HB) เหล็กไวด์แฟรงค์ (WF) เหล็กไอบีม (IB) ในที่นี่น้องเยลลี่ขอมัดรวมกันเลยนะ เพราะว่าเหล็กบีมทั้งสามชนิดมีลักษณะที่คล้ายกันมว๊ากกก ซึ่งเยลลี่ก็ยังเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังเรียกสลับกันหรือเรียกรวมกันเป็นอันใดอันหนึ่งอยู่ เพราะหากเรานำเหล็กทั้งสามชนิดมาวางแนวตั้งหรือแนวตะแคง มันก็จะกลายเป็นตัวไอหรือตัวเอ็ช
อ้าวว.. แล้วแบบนี้เราจะแยกได้อย่างไรน้า จริง ๆ แล้วเหล็กทั้งสามชนิดนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนเลยนะ พี่ ๆ ลองสังเกตสัดส่วนของขนาดเหล็กบีม โดยปกติขนาดของเหล็กบีม เราจะใช้ HxB ซึ่ง H กับ B นี่แหละจะเป็นตัวบอกความแตกต่าง
ข้อสังเกตุระหว่าง เหล็กรูปพรรณ ตระกูลบีม
เหล็กเอชบีม : H และ B จะเท่ากัน เช่น HB 100×100, HB 150×150 จะเป็นแบบนี้เสมอเลย
ส่วนหล็กไวด์แฟรงค์กับเหล็กไอบีม ด้าน H และ B จะมีขนาดไม่เท่ากัน เช่น 150×75 เป็นต้น ข้อแตกต่างคือเหล็กไอบีมจะมีขนาดความหนาของด้านที่มากกว่าเสมอ เช่น WF 150x75x5x7 มม. กับ IB 150x75x5.5×7 มม.
สำหรับเหล็กตระกูลบีมจัดว่าเป็นเหล็กรูปพรรณโครงสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งมีทั้งขนาดความยาว 6 และ 12 เมตร
เหล็กแผ่น คนส่วนใหญ่จะนิยมเรียกกันว่า เหล็กแผ่นดำ หรือ เหล็กเพลท (ตัวย่อ PL) มีลักษณะเป็นแผ่นพื้นผ้าขนาดใหญ่ตั้งแต่ PL 4x8 5x10 5x20 6x20 และ 8x20 นอกจากนี้ยังมีอีกชนิดที่นิยมใช้กันนั่นก็คือ เหล็กแผ่นลาย (Cherkered Plate) หรือภาษาช่างเรียกว่า เหล็กแผ่นตีนไก่ เพราะว่าลายมันดันไปคล้ายกับตีนไก่สะงั้น
เหล็กแบน เหล็กรูปพรรณชนิดนี้ไม่ใช่เหล็กแผ่นนะ ถึงจะมีลักษณะแบนเป็นแผ่นก็เถอะ แต่เหล็กแบนจะมีลักษณะที่มีด้านยาวมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เช่น เหล็กแบน 25×3 มม. 50×3 มม. มีความยาวเท่ากันโดยมาตรฐานที่ 6 เมตร
เหล็กฉาก เหล็กรูปพรรณชนิดนี้สังเกตได้ง่ายมากเพราะมีลักษณะเหมือนพยัญชนะภาษาอังกฤษตัวแอลแบบชัดเจน และมักเขียนชื่อย่อว่า L และตามด้วยขนาด เช่น L 25x25x3 มม. เป็นต้น
สุดท้ายที่จะพูดถึงคือ เหล็กท่อ ซึ่งถูกเรียกกันหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น เหล็กกลมดำ ท่อดำ แป๊ปกลม ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็คือเหล็กท่อดำนั่นแหละจ้า นอกจากนี้ยังมีชนิดท่อเหล็กอาบสังกะสีด้วย ซึ่งทั้งสองชนิดนี้มีลักษณะที่กลมเป็นท่อเหมือนกัน แต่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน ซึ่งเจ้าท่อเหล็กอาบสังกะสียังเป็นที่นิยมของทางภาคใต้เนื่องจากมีอากาศที่ชื้น ซึ่งสารเคลือบสังกะสีจะมีคุณสมบัติทนความชื้นได้ดีนั่นเอง
ข้อสังเกตเหล็กแต่ละประเภทสำหรับเยลลี่ก็จะประมาณนี้ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้พี่ ๆ ที่อยู่ในวงการก่อสร้าง โดยเฉพาะฝ่ายจัดซื้อที่ติดต่อสั่งซื้อหรือเช็คราคาเหล็กรูปพรรณอยู่เป็นประจำ เพราะหากสื่อสารกับซัพพลายเออร์ผิดแล้ว จะเกิดปัญหาที่ยุ่งยากในภายหลังได้ โปรดติดตามสาระความรู้ดี ๆ ได้จาก YELLO วัสดุก่อสร้างนะค่า