นักการตลาดระดับปรมจารย์ท่านหนึ่ง กล่าวไว้ว่า…
“ อารมณ์ มักอยู่เหนือ เหตุผล…. เสมอ ”
.
เฉกเฉ่นนั้นแล้ว การจะรู้จักใครซักคนหนึ่ง เป็นไปได้ว่าเพราะมีเหตุผลสำหรับการพบเจอ แต่จะไปถึงจนถึงขั้นสนิทสนมกันได้นั้น ย่อมต้องมีด้านอารมณ์มาเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน
.
ซึ่งโดยเฉพาะกับนักขายมืออาชีพแล้วนั้น การสนิทกับลูกค้าเป็นการส่วนตัว ย่อมจะเป็นแต้มบุญขั้นสูงสุด ที่เป็นมูลค่าเพิ่มติดตัวไปตลอดชีวิต
.
แต่หนทางที่ยาวไกลขนาดนั้น มันย่อมต้องเริ่มต้นจากก้าวแรก ! นั่นคือ การ Ice Breaking สำหรับการพบเจอกันครั้งแรกๆ กับลูกค้า มาดูกันว่า จะต้องมีขั้นตอนหรือเทคนิคอะไรบ้าง?
ฝนฟ้าอากาศ สถานการณ์บ้านเมือง ข่าวเม้าท์ ข่าวดราม่า Update ให้ทันท่วงที
.
ความรู้รอบตัว ข่าวซุบซิบนินทา ใครว่าไม่สำคัญ ซึ่งไม่ว่าลูกค้าของคุณจะเป็นใคร ย่อมต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีข้อคิดเห็นที่เกี่ยวกับข่าวสารหรือรอบตัวอยู่แล้ว ดังนั้นจงใช้มันให้เป็นประโยชน์ กับใบเบิกทางสู่การเจรจาที่ราบรื่น ซึ่งการ Ice breaking ในส่วนนี้ โดยเฉพาะเรื่องฝนฟ้าอากาศ สามารถพูดถึงได้ก่อนจะแนะนำตัวคุณเองเสียด้วยซ้ำไป
.
เลือกหยิบยกเรื่องใกล้ตัวที่มีประสบการณ์ใกล้เคียงกัน ขึ้นมาพูด
.
เช่น หากคู่สนทนาเป็นผู้หญิงที่น่าจะแต่งงานแล้ว ก็ให้ลองพูดถึงเรื่องลูก / หากเป็นผู้บริหารวัยกลางคน ก็ให้ลองพูดถึงกีฬา โดยเฉพาะกอล์ฟ หรือผลฟุตบอลเมื่อคืน / หากเป็นผู้สูงอายุซักนิด ก็อาจพูดถึงเรื่องการดูแลสุขภาพ เป็นต้น
.
โดยในกรณีที่เราไม่มั่นใจว่าในข้อมูลของคู่สนทนา ว่ามีโอกาสจะมีประสบการณ์เชื่อมโยงกับเรื่องที่เราจะพูดถึงมั๊ย? ก็ควรเริ่มจากพูดถึงเรื่องตัวเองหรือคนใกล้ตัวก่อน แล้วรอดูปฏิกิริยาของลูกค้า ว่าสนใจ หรือพร้อมสนทนาเรื่องนี้กันต่อหรือไม่? ถ้าเกิดไม่ ควรรีบเปลี่ยนเรื่องสนทนาเพื่อ Ice breaking ในทันที
.
ศึกษาตลาด(ของลูกค้า)ให้ดี แล้วพูดถึงภาพรวมของสถานการณ์ตลาดในปัจจุบัน
.
สิ่งนี้ นอกจากจะทำให้ลูกค้าเห็นถึงความเป็นมืออาชีพของเราแล้ว ยังมีแนวโน้มสูง ที่เค้าจะออกความเห็น หรือระบายความอัดอั้นตันใจ ที่มีต่อสถานการณ์เหล่านั้นออกมา ยิ่งโดยเฉพาะกับการวิเคราะห์
( หรือนินทา ) คู่แข่งขันของเค้าแล้วล่ะก็ จะยิ่งคุยกันได้ออกรสออกชาติกันเลยทีเดียว
.
ถามความคิดเห็นจากลูกค้าที่มีต่อสินค้าอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงให้ออกความคิดเห็นส่วนตัวของเราอย่างตรงไปตรงมมาด้วยเช่นกัน ทำให้เหมือนกับเราเอง ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับลูกค้า
.
วิธีนี้ สร้างความแตกต่างและความมประทับใจแก่ลูกค้ามานักต่อนัก แต่ในทางกลับกัน ก็มีความสุ่มเสี่ยงด้วยเช่นกัน ที่จะทำให้เราดูไม่มืออาชีพ หรือดูเหมือนขาดความมั่นใจในสินค้าที่เราขาย ดังนั้นแล้ว ควรเลือกใช้ในจังหวะที่เหมาะสม หรือควรใช้ในกรณีที่ดูว่า โอกาสในการปิดการขายเหลือน้อยมากๆแล้ว ลองใช้วิธีนี้ดูเป็นวิธีสุดท้าย ก็อาจไม่เสียหาย อาจจะพลิกเกมส์ หรืออย่างน้อย ก็ได้ feed back อย่างตรงไปตรงมาจากลูกค้า เพื่อเอามาปรับปรุงวิธีในการขายลูกค้าในเจ้าถัดไป ก็ยังเป็นประโยชน์กว่าที่จะกลับไปมือเปล่า
.
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีไหน หรือใช้มันทุกวิธี ก็อย่าลืมที่จะบันทึกข้อมูลที่ได้จากการพูดคุยลูกค้าแต่ละครั้งไว้ด้วย เพื่อสำหรับการพูดคุยครั้งหน้า จะได้ต่อกันติดได้แบบไม่ยาก และจะยิ่งสร้างความประทับใจเข้าไปอีก ว่าเราจำข้อมูลของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
.
ซึ่งถ้าคุณต้องการตัวช่วยแล้วล่ะก็ JUBILI CRM เป็นระบบบันทึกและติดตามงานขายของทีมเซลล์ เพื่อธุรกิจ B2B โดยเฉพาะ สามารถบันทึกทุกข้อความได้อย่างไม่ตกหล่น เพียงกดปุ่มแล้วพูดข้อมูล ระบบจะแสดงผลออกมาเป็นข้อความโดยทันที แบบไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์
.
เพียงเท่านี้ หนทางสู่การเป็นเซลล์ผู้ทรงคุณค่า(ในสายตาลูกค้าและสายตาบริษัท) ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว!!!!
.
“ Jubili CRM “ คือตัวเลือกที่ดีที่สุดของธุรกิจคุณ การันตีด้วยยอดผู้ใช้งานกว่า 4,000 User สนใจอ่านรายละเอียด และนัด Demo ได้ที่
